วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559



    อาหาร 5 อย่าง..แก้ปวดท้องประจำเดือนได้ดี! สาวๆควรรู้ไว้นะจ๊ะ!!

       บทความนี้เขียนมาเพื่อสาวๆโดยเฉพาะสาวที่เวลาที่เป็นประจำเดือนทีไรต้องงอตัว ปวดท้อง ไม่มีแรง นั่นเป็นเพราะผนังมดลูกเกิดการบีบตัวนั่นเอง บวกทั้งอารมณ์ที่แปรปรวนง่าย ทำเอาหนุ่มๆตามใจกันไม่ถูกเลยทีเดียว ทั้งหงุดหงิด ขี้บ่น ขี้วีน
วันนี้เรามีอาหารที่ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องของสาวๆมาฝากกัน ทั้ง หมด 5 อย่าง แต่ต้องขอบอกสาวๆก่อนนะคะว่า อาหารพวกนี้ควรกินก่อนมีประเดือนอย่างน้อง 1 อาทิตย์นะคะ
1.นมถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู
นมถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้ช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนกันได้อย่างไรกัน?
เนื่องจากในถั่วเหลืองมีฮอร์โมนเพศหญิงที่สามารถออกฤทธิ์ Antiestrogen ซึ่งช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้และน้ำเต้าหู้ยังช่วยให้สาวๆมีพลัง ไม่เพลียจากการเสียเลือดอีกด้วย หรือสาวๆคนไหนที่ไม่ชอบดื่มน้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองเราแนะนำให้กินเต้าหู้หรือถั่วเหลืองอบกรอบแทนได้เหมือนกันนะค่ะ
2. ปลาแซลมอนหรือปลาทูน่า
ปกติแล้วในปลาน้ำเค็มจะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 เพราะฉะนั้นปลาแซลมอนและปลาทูน่าก็มีเหมือนกัน หลายคนอาจสงสัยว่าโอเมก้า 3 เกี่ยวอะไรกับการลดอาการปวดท้องประจำเดือน เราขออธิบายสั้นๆว่า กรดไขมันโอเมก้า 3 นั้นเป็นกรดไขมันที่ดีมีประโยชน์ ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้และส่งผลดีต่อหลอดเลือดแลหัวใจอีกด้วย และที่สำคัญไปอีก็คือ ในโอเมก้า 3 มีกรด EPA และ DHA ที่ช่วยในการสร้างสารที่ช่วยลดอาการปวดเกร็งภายในช่องท้องซึ่งเกิดจากการบีบตัวของมดลูกได้ดีเลยทีเดียวและยังมีประโยชน์อีกคือลดอาการบวมน้ำในร่างกายของเราอีกด้วย
3. ตำลึง
ตำลึงเป็นผักที่หาได้ง่ายสุดๆมองไปตามริมรั้วขอบบ้าน ก็เจอละแต่ถ้าไม่มีจริงๆแนะนำให้ไปซื้อที่ตลาดแถมราคาไม่แพงด้วย ตำลึงหลายคนอาจคิดว่าก็เป็นผักใบเขียวธรรมดาๆชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณในเรื่องการดูแลสายตาของเราเนื่องจากในตำลึงมี วิตามิน A อยู่ และใยอาหารในตำลึงเยอะมากๆด้วย ยังช่วยระบาย แต่รู้กันไหมคะว่าตำลึงยังมีสรรพคุณช่วยให้สาวๆหายปวดท้องอีก! สุดยอดไหมล่ะ ยังไงหน่ะหรอ คือในใบตำลึงมีแมกนีเซียมที่ช่วยบรรเทาอาการปวดเกร็งในช่องท้องของสาวๆด้วยนั่นเอง แต่ถ้าอยากได้แมกนีเซียมเพิ่มล่ะก็แนะนำให้ทำแกงจืดแล้วใส่ตับลงไปด้วยก็จะเพิ่มแม็กนีเซียมเข้าไปอีก
4.ตังกุย
หลายคนคงเคยได้ยินชื่อกันบ้างใช่ไหมล่ะคะ ตังกุยมีสรรพคุณที่ช่วยในการขยายหลอดเลือดและยังป้องกันการบีบเกร็งของหลอดเลือดได้อีกด้วย เห็นชื่อแปลกๆ สรรพคุณนี่สุดยอดไปเลยใช่ไหมคะ ตังกุยหาซื้อไม่ยากนะคะตามซูเปอร์มาเก็ตก็มีขาย แต่จะมีขายในรูปของเครื่องดื่มนะคะ แต่ขอแนะนำว่าควรดื่มก่อนประจำเดือนมา 2 สัปดาห์ แต่ขอเตือนสาวๆที่กำลังเป็นประจำเดือนอยู่ไม่ควรดื่มเด็ดขาด! และไม่ควรดื่มตังกุยมากเกินไปเพราะจะทำให้ผิวของสาวๆ ไวต่อแดด
5.ผักและผลไม้
ผักแลผลไม้ปกติพวกเราก็รับประทานกันอยู่แล้วใช่ไหมคะ แล้วรู้ไหมคะว่าผักและผลไม้มีประโยชน์อย่างไร? ผักและไม้มีทั้งไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุซึ่งช่วยในการจับฮอร์โมนเอสโตรเจนส่วนที่เกินให้หมดไปจากร่างกาย และในผักและผลไม้ก็ยังมีวิตามินซีที่ช่วยลดการปวดเกร็งตามร่างกายด้วย

**นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารที่ควรเลี่ยงด้วยนะคะ**

1.ชา กาแฟ
2.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
3.อาหารเค็มจัดหวานจัด ซึ่งอาหารพวกนี้จะทำให้คุณผู้หญิงเกิดอาการบวมน้ำ และเกิดอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อและสุดท้ายก็ยังส่งผลไปถึงการที่จะเกิดการบีบตัวของมดลูกด้วยนะคะ
แต่ถ้ามีอาการปวดท้องรุนแรงแนะนำให้ไปพบแพทย์จะดีกว่านะคะเผื่อมีอะไรผิดปกติจะได้แก้ไขและรักษาได้ทัน
เป็นยังไงบ้างคะ อาหารแต่ละอย่างที่ได้บอกไปหาได้ไม่ยากเลยใช่ไหม ถ้าไม่อยากมีอาการปวดท้องประจำเดือนล่ะก็ลองทานอาหารที่ได้เอามาฝากกันเนอะ และอย่าลืมอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงกันด้วยนะคะ

Cr.Health&Beauty

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

8 คำพูด…ที่ไม่ควรพูดกับลูก คำพูดที่ปิดกั้นพัฒนาการเด็ก

อ่านไว้ก่อนสาย!! 8 คำพูด…ที่ไม่ควรพูดกับลูก คำพูดที่ปิดกั้นพัฒนาการเด็ก

2016-05-02

พ่อแม่คือครูคนแรกของลูก ดังนั้นคำพูดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งเสริมหรือพัฒนาการลูกให้ไปในทิศทางที่ คุณต้องการได้ และที่สำคัญคือ การกระทำที่เป็นต้นแบบที่ดีของคุณที่สำคัญยิ่งกว่าด้วยเช่นกัน
เด็ก ๆ ที่อยู่ในช่วงของวัยเรียนรู้ มักจะเป็นคนช่างสังเกตและจดจำรายละเอียด โดยเฉพาะคำพูดของผู้ใหญ่ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องระมัดระวังคำพูดเป็นอย่างยิ่งนะคะ เพราะอาจจะส่งผลเสียต่อพัฒนาการเด็กได้ วันนี้เลยมีคำต้องห้ามมาฝากกัน ไปดูกันเลยค่ะว่ามีคำอะไรที่ไม่ควรพูดเพราะอาจจะทำให้ปิดกั้นพัฒนาการเด็ก บ้าง

1. ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง

คำพูดนี้ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ไม่ชอบกันทั้งนั้นใช่ไหมละคะ ฟังแล้วรู้สึกเสียความมั่นใจ ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะโมโหหรือโกรธสักแค่ไหน ก็ไม่ควรเผลอพูดคำนี้ออกมาเด็ดขาด เพราะนั้นจะทำให้เด็กไม่กล้าจะลองทำสิ่งใหม่ๆ พัฒนาการเด็กก็จะย้ำอยู่กับที่ และอาจจะไม่กล้าแสดงออกอีกต่อไป ดังนั้นควรใช้คำพูดในเชิงบวกเข้าไว้ ค่อย ๆ สอน ค่อย ๆ แนะนำและให้กำลังใจจะเป็นผลดีกว่านะคะ

2. หุบปากแล้วอยู่เงียบ ๆ

เด็กที่อยู่ในวัยที่กำลังหัดพูด มักจะชอบพูดไปตามประสาหรือพูดอยู่ตลอดเวลา หากเด็กพูดคำที่ไม่เหมาะสม คุณพ่อคุณแม่ก็ควรพูดหรือสอนกับลูกดีๆ อย่าแสดงอาการแสดงรำคาญเวลาที่ลูกถามหรือสงสัย เพราะเด็กจะไม่กล้าถาม ไม่กล้าแสดงออก และรู้สึกเก็บกด และพัฒนาการของก็จะช้าลง เด็กก็จะไม่มีความสุขทั้งในการเรียนและเล่นกับเพื่อน ๆ นะคะ ไม่ควรพูดกับลูกแบบนี้

3. ต้องมีความเป็นลูกผู้ชาย

คำว่าต้องมีความเป็นลูกผู้ชายนั้น ไม่ควรพูดกับลูกนะคะ เพราะจะเป็นการปิดกั้นพัฒนาการเด็ก ลูกของคุณอาจจะสับสนว่า การเป็นลูกผู้ชายนั้นต้องทำอย่างไรบ้าง เด็กอาจจะรู้สึกสับสนและลังเลในสิ่งที่จะทำ และไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำนั้นถูฏหรือไม่ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรที่จะแนะนำพฤติกรรมความเป็นผู้นำให้ลูกได้เห็นป็น ตัวอย่างที่ถูกต้อง
boy-1252771__340

4. ทำแบบนี้เดี๋ยวไม่รักนะ

เพราะว่าคำพูดเหล่านี้จะไปกระทบความรู้สึกเบื้องลึกในจิตใจลูก อย่าคิดว่าเป็นแค่คำพูดธรรมดาเอง ไม่มีอะไร ลูกคงรู้อยู่แล้วว่าพ่อแม่รัก แต่ในความเป็นจริง คำพูดเหล่านี้เป็นตัวบั่นทอนความรู้สึก

5. ทำไมน่ารำคาญอย่างนี้

คำพูดนี้ก็เช่นเดียวกันกับคำพูดว่าไม่รักแล้ว เพราะจะบั่นทอนความรู้สึกเชื่อมั่น ความสึกเติมเต็มในใจ อาจจะทำให้เขารู้สึกไม่แน่ใจว่าตกลงพ่อแม่ยังรักเขาหรือเปล่า ซึ่งความมั่นคงทางจิตใจของเด็กเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ การรู้จักแบ่งปัน การรู้จักตัวเองและคนอื่น

6.ทำไมไม่ได้เหมือนลูกคนอื่น ๆ

การเปรียบเทียบลูกกับพี่ๆน้องๆ หรือเด็กคนอื่นๆ จะทำให้เด็กสูญเสียความมั่นใจ ขาดความเชื่อมั่น ไม่ควรพูดจาเปรียบเทียบลูก ถึงแม้จะทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เด็กอาจจะเก็บไปคิดน้อยใจ ติดค้างอยู่ในใจได้
sisters-931131__340

7. อย่าทำแบบนี้เดี๋ยวตำรวจจับ

การขู่ด้วยการหลอก เช่น หลอกผี หรือเอาตำรวจมาขู่ การขู่เป็นการใช้คำพูดเพื่อสื่อออกมาว่า เมื่อทำแบบนี้แล้วจะเกิดผลอะไรตามมาบ้าง ซึ่งภาษาที่พ่อแม่สื่อสารกับลูกเป็นสิ่งสำคัญในการลำดับความคิดของเด็ก การบอกเหตุและผลที่สอดคล้องกัน ทำให้เด็กมีพัฒนาการทางด้านภาษาที่ดีกว่า และพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ก็จะดีตามไปด้วย แต่การขู่ด้วยเรื่องไม่เป็นเหตุผลก็จะทำให้เด็กขาดการเรียนรู้แบบเป็นเหตุ เป็นผล และเมื่อโตขึ้นก็อาจจะยิ่งไม่เชื่อฟัง เพราะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องจริง
ไม่ควรพูดกับลูกแบบนี้นะ

8. ล้อเลียนเรื่องน่าอาย หรือ ปมด้อย

การนำปมน้อยมาล้อเลียน หรือเรื่องน่าอายของลูกๆ มาเล่า มาล้อให้คนอื่นฟัง พ่อแม่อาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่ทราบไหมคะว่า อาจทำให้เกิดความเจ็บปวด เสียใจ เป็นปมที่ฝังอยู่ในใจลูกไปตลอดได้ค่ะ
และยังมีอีกหลายคำพูดนะคะ ที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรนำมาพูดให้ลูกได้ยิน เพราะนอกจากจะไม่เกิดผลดีกับเด็กแล้ว อาจส่งผลกับพัฒนาการของลูกด้วยค่ะ

ที่มา: http://board.postjung.com/960755.html

10 เหตุผลดีๆ ทำไมถึงต้องเรียนภาษาอังกฤษ

10 เหตุผลดีๆ ทำไมถึงต้องเรียนภาษาอังกฤษ

สมัยนี้ต้องยอมรับว่าภาษาอังกฤษสำคัญอย่างยิ่ง ทุกคนจะต้องเรียนรู้และเข้าใจภาษาอังกฤษ เพื่อใช้ในการทำงานและติดต่องานต่างๆ เพื่อความก้าวหน้า วันนี้มาดูเหตุผลว่าทำไมต้องเรียนภาษาอังกฤษ
เรียนภาษาอังกฤษ
1. ภาษาอังกฤษคือภาษาที่เป็นทางการของโลก ถึงแม้ว่าภาษาจีนจะมีคนพูดมากที่สุดก็ตาม
2. เหตุผลทำไมเราต้องเรียนภาษาอังกฤษ : เพิ่มโอกาสของการได้งานดีๆ และมีรายได้มากขึ้น
3. ภาษาอังกฤษ ถูกใช้เป็นทางการในกว่า 53 ประเทศทั่วโลก
4. มีคนกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่
5. ในแวดวงสื่อแล้ว ยังคงใช้ภาษาอังกฤษในการนำเสนอและติดต่อสื่อสารเป็นหลัก
6. ในอินเตอร์เน็ตก็เช่นกัน ภาษาอังกฤษยังคงเป็นภาษาหลักของโลกอินเตอร์เน็ต
7. เหตุผลทำไมเราต้องเรียนภาษาอังกฤษ : ภาษาอังกฤษเรียนรู้ง่าย เพราะมีตัวอักษรเพียงแค่ 26 ตัว
8. การเรียนรู้ภาษา จะช่วยให้เกิดความภูมิใจที่ได้เรียนและเข้าใจภาษาใหม่ๆ
9. ในหลายๆโรงเรียน สถาบัน และมหาวิทยาลัยทั่วโลก เปิดสอนสาขาวิชาต่างๆเป็นภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้น แม้ประเทศนั้นจะไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักก็ตาม
10. เหตุผลทำไมเราต้องเรียนภาษาอังกฤษ : ได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ของประเทศนั้นผ่านภาษา โดยไม่ใช่ประเทศอังกฤษหรือสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียว
ที่มา http://zazana.com/

ประสบการณ์ความสำเร็จด้านการสอน

**ประสบการณ์ความสำเร็จด้านการสอน**


   ก่อนอื่นต้องกล่าวสวัสดีก่อนนะค่ะ  ดิฉัน ชื่อ นางสาวสุกัญญา เณรบางแก้ว ชื่อเล่น จูน ชื่อในวงการเพื่อนพ้องน้องพี่ คือ มิดซายน์ เป็นครูประจำชั้น อนุบาล 2/2 โรงเรียนราษฎร์บำรุงวิทยา จังหวัดนครปฐม ประสบการณ์การสอนก็ไม่มากก็น้อย แค่ 7 ปีเอง ผ่านเรื่ิองราวประสบการณ์มามากพอสมควร เจอนักเรียนหลากหลายรูปแบบ ดิฉันจึงมีวิธีและเทคนิคหลากหลายมารับมือกับนักเรียน
   
   เรื่องราวที่ทำให้ดิฉันประสบความสำเร็จในด้านการสอน มีดังนี้


        ดิฉันใช้การวิธีการดูแลเอาใจใส่นักเรียน ทำให้นักเรียนเชื่อใจและไว้ใจ รู้สึกปลอดภัย เมื่ออยู่โรงเรียน เปรียบเสมือนเป็นแม่คนที่ 2  ดูแลทุกเรื่ิองทั้งเรื่องเรียนและ ดูแลพฤติกรรมนักเรียนเป็นรายบุคล